>>>“บีไอจี” จับมือ “กรมสรรพสามิต ลงนาม MOU เพื่อสร้างความร่วมมือในการวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

“บีไอจี” จับมือ “กรมสรรพสามิต ลงนาม MOU เพื่อสร้างความร่วมมือในการวัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

2024-06-07T10:52:04+07:00

หอประชุมกรมสรรพสามิต – 5 มิถุนายน 2567

บีไอจี จับมือ กรมสรรพสามิต ลงนามความร่วมมือในการจัดการตรวจสอบและวิเคราะห์แนวทางการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้งานและการบำรุงรักษาพลังงาน รวมถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยใช้ Carbon Management Platform ที่พัฒนาโดยบีไอจี โดยสามารถใช้เป็นข้อมูลจำแนกแหล่งปล่อยคาร์บอนเพื่อใช้ในการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร ยกระดับการบริหารจัดการพลังงานในหน่วยงานภาครัฐ พร้อมร่วมกันศึกษาการนำ Climate Technology มาใช้ประโยชน์นอกเหนือจากภาคอุตสาหกรรม

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต และ คุณปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี เป็นผู้ลงนาม ณ หอประชุม กรมสรรพสามิต กรุงเทพฯ โดยความร่วมมือระหว่างกรมสรรพสามิตและบีไอจี ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐและเอกชนในการนำนวัตกรรม Climate Technology มาใช้ในการตรวจสอบและช่วยลด   การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนทั่วทั้งโลก กรมสรรพสามิตตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงเร่งผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติ โดยมีการเดินหน้าในเรื่องนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการเปลี่ยนผ่านและขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ไม่ว่าจะเป็นมาตรการรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 และ  EV 3.5 พลาสติกชีวภาพ ภาษีคาร์บอน และอื่น ๆ เป็นต้น  นอกเหนือจากบทบาทสำคัญของกรมฯ ในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Net Zero แล้ว ภายในองค์กรกรมฯ ได้มีการเดินหน้าและดำเนินการมาตรการต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมให้มีการลดการใช้ทรัพยากรหรือใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกมิติ

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยให้กรมฯ ทราบถึงปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน และแนวทางการใช้พลังงานที่เกิดประสิทธิภาพ เพื่อเป็นข้อมูลที่กรมฯ จะใช้ในการวางแนวทางการยกระดับ การบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรทั้งระบบ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ของกรมสรรพสามิตทั่วประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกรมสรรพสามิตในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG สร้างมาตรฐานสากล เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

คุณปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี กล่าวเพิ่มเติม บีไอจี ในฐานะผู้นำนวัตกรรมด้าน Climate Technology และเป็นผู้ริเริ่มในการสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) สำหรับภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเป็นบริษัทในเครือแอร์โปรดักส์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนระดับโลก บีไอจีจึงตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน จึงมีการพัฒนา Carbon Management Platform เพื่อใช้จัดการ ตรวจสอบและวิเคราะห์การปล่อยคาร์บอนฯ พร้อมนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับภาครัฐเป็นครั้งแรกในการตรวจสอบการใช้งานและการบำรุงรักษาพลังงาน รวมถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้งาน Carbon Management Platform จากบีไอจีนั้น สามารถนำไปวางแผนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้เป็นข้อมูลจำแนกแหล่งปล่อยคาร์บอนเพื่อใช้ในการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร ยกระดับการบริหารจัดการพลังงานในหน่วยงานภาครัฐ โดยอาศัยความชำนาญของบีไอจีมาช่วยสนับสนุนให้กับกรมสรรพสามิตมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ร่วมกัน และตอกย้ำความมุ่งมั่นของบีไอจีที่จะสร้างอนาคตที่สะอาดตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ GENERATING A CLEANER FUTURE ร่วมกัน”


Share:
บริษัทใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ bigth.com ของท่านที่ดีกว่าเดิม ในการใช้งานเว็บไซต์ของเรา ถือว่าท่านยอมรับการใช้คุกกี้ตามที่ระบุใน มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ยอมรับ