ประเทศไทย | 
โรงงานที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงของแอร์โปรดักส์ในพอร์ตแมนนาที ฟลอริดา จะสร้างหน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่ใหญ่ที่สุดในโลกสี่หน่วยด้วยกัน
4 สิงหาคม 2563 ลีไฮน์ วัลเลย์ รัฐเพนซิลเวเนีย
เทคโนโลยีและอุปกรณ์แปรสภาพก๊าซธรรมชาติให้เป็นของเหลวที่จดทะเบียนในชื่อ เอพี-เอ็กซ์ (AP-X®) ของแอร์โปรดักส์ (ตัวย่อ APD ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค) ซึ่งเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว ได้รับเลือกให้นำมาใช้ในการดำเนินการระยะที่หนึ่งของโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวขนาดใหญ่ หรือที่รู้จักในชื่อโครงการ North Field East หรือ NFE ในเมืองราส ลาฟฟาน รัฐกาตาร์ ของกาตาร์แก๊ส (Qartagas) โครงการนี้เป็นการลงทุนใหม่ โดยหน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวทั้ง 4 หน่วย ถือเป็นหน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวได้ปีละ 7.8 ล้านตัน
ในปี 2568 หน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวขนาดใหญ่นี้ จะเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวจากแหล่ง North Field ของกาตาร์ ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ประกอบด้วยก๊าซมีเทนเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกทำให้กาตาร์ยังคงรั้งตำแหน่งผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวอันดับหนึ่งของโลก
“สัญญาณที่แสดงว่าลูกค้ามีความพึงพอใจอย่างแท้จริงก็คือการที่ลูกค้ากลับมาสั่งสินค้าอีก แอร์โปรดักส์รู้สึกยินดีและภูมิใจที่เทคโนโลยีที่ดีที่สุดของเราได้รับเลือกอีกครั้ง สำหรับการดำเนินงานระยะใหม่ล่าสุดของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ครั้งใหม่ในกาตาร์ เทคโนโลยีแปรสภาพก๊าซธรรมชาติให้เป็นของเหลว เอพี-เอ๊กซ์ (AP-X®) ของเราสร้างมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมและให้บริการหน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าของเราที่ต้องการลดต้นทุนในการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวต่อตันโดยการประหยัดจากกำลังการผลิตหน่วยผลิต เอพี-เอ็กซ์ (AP-X®) ขนาดยักษ์นี้มีกำลังการผลิตสูงกว่าหน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวอื่น ๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ถึงร้อยละ 50 และทำให้แอร์โปร์ดักส์เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าที่ต้องการหน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่มีขนาดใหญ่ขึ้น” ดอกเตอร์ ซามีร์ เจ. เซอร์ฮาน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของแอร์โปร์ดักส์กล่าว
แอร์โปรดักส์ได้จัดหาอุปกรณ์และเทคโนโลยีสำหรับหน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่กำลังดำเนินการอยู่ 14 หน่วยในเมืองราส ลาฟฟาน รัฐกาตาร์ โดยหน่วยผลิตแห่งแรกเริ่มดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวในปี 2539 ด้วยเทคโนโลยีก๊าซธรรมชาติเหลว เอพี-ซี3 เอ็มอาร์ทีเอ็ม (AP-C3MRTM) ของแอร์โปรดักส์ หลังจากนั้นจึงมีหน่วยผลิตที่ใช้เทคโนโลยี เอพี-เอ็กซ์ (AP-X®) ซึ่งเริ่มดำเนินการระหว่างปี 2552 และ 2554 อีก 6 หน่วย ทั้งนี้อุปกรณ์ของแอร์โปร์ดักส์ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเป็นของเหลว เอพี-เอ็กซ์ (AP-X®) มีเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนหลักด้วยความเย็นเยือกแข็ง (Main Cryogenic Heat Exchanger หรือ MCHEs) เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนด้วยสารทำความเย็นในสถานะของเหลว (Subcooling Heat Exchanger หรือ SCHEs) รวมทั้งเครื่องจักรเทอร์โบแบบแกนร่วม (Compressor & Expander) และ ถังเก็บความเย็นสำหรับไนโตเจนเหลวของโรโตโฟลว์ (Rotoflow) โดยโรโตโฟลว์เป็นหน่วยผลิตอุปกรณ์ของแอร์โปร์ดักส์ ซึ่งทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์และกระบวนการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบและมีความสามารถในการแปรสภาพก๊าซสูงสุดให้แก่ลูกค้า
กระบวนการ เอพี-เอ็กซ์ (AP-X®) ที่ผ่านการทดสอบแล้วเป็นเทคโนโลยีที่เยี่ยมยอด ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวได้มากขึ้น โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ขนาดใหญ่และยังทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ ยืนหยุ่น เหมาะสำหรับกำลังการผลิตในขนาดต่าง ๆ
แอร์โปร์ดักส์จะสร้างหน่วยแลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับก๊าซธรรมชาติเหลว เอพี-เอ็กซ์ (AP-X®) ที่โรงงานในพอร์ตแมนนาที ฟลอริดา โรงงานแห่งนี้ได้เริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2547 และขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีกร้อยละ 60 เมื่อเดือนตุลาคม 2552 เพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลวที่เติบโตขึ้นตลอดเวลา ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคม 2551 ได้มีการก่อสร้างโรงงานทดสอบอุปกรณ์ก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งใหม่ หรือ Equipment Test Facility (ETF) ทำให้อุปกรณ์ก๊าซธรรมชาติเหลวของแอร์โปร์ดักส์ได้รับการปรับปรุงในเรื่องของความน่าเชื่อถือ (Reliability) และก๊าซธรรมชาตเหลวที่ผลิตได้ รวมทั้งช่วยให้แอร์โปรดักส์สามารถออกแบบอุปกรณ์ใหม่ ๆ ได้อีกด้วย
เทคโนโลยีก๊าซธรรมชาติเหลวของแอร์โปร์ดักส์ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นของโลก และความปรารถนาที่จะมีพลังงานสะอาด มีกระบวนการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติที่มีคุณค่าสำหรับการใช้งานของผู้บริโภคและอุตสาหกรรม ทั้งนี้ แอร์โปร์ดักส์ได้ผลิตเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนมากว่า 50 ปี และมีการใช้งานในหน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวกว่า 100 แห่งใน 20 ประเทศทั่วโลก
โดยปกติแล้วเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับก๊าซธรรมชาติเหลวจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ได้มากกว่า 15 ฟุต (5 เมตร) และยาวได้กว่า 180 ฟุต (55 เมตร) เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนที่ประกอบสำเร็จมีน้ำหนักได้มากถึง 500 ตัน ท่านสามารถดาวน์โหลดและพิมพ์ภาพเทคโนโลยีก๊าซธรรมชาติเหลวของแอร์โปร์ดักส์ได้ที่ http://prphotolibrary.airproducts.com/ImageViewer.aspx?q=LNG
เทคโนโลยีและอุปกรณ์สำหรับกระบวนการก๊าซธรรมชาติเหลวของแอร์โปร์ดักส์ ถือเป็นหัวใจของโรงผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวและในพื้นที่บางแห่งซึ่งอยู่ห่างไกล เทคโนโลยีนี้จะนำก๊าซธรรมชาติมาสร้างคุณค่าโดยการแปรสภาพและทำให้สามารถขนส่งทางเรือได้อย่างประหยัด ซึ่งก๊าซธรรมชาติเหลวจะถูกแปรสภาพกลับไปเป็นก๊าซเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในที่สุด
ก๊าซธรรมชาติเหลวส่วนใหญ่ในโลกผลิตด้วยเทคโนโลยีของแอร์โปร์ดักส์ ดังนั้น แอร์โปรดักส์จึงส่งมอบเทคโนโลยีกระบวนการและอุปกรณ์หลักสำหรับการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติ สำหรับโรงงานส่งออกขนาดใหญ่ โรงงานก๊าซธรรมชาติขนาดเล็กและขนาดกลาง โรงผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวแบบลอยน้ำ และคลังสำรองก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับการผลิตไฟฟ้าในช่วงความต้องการสูง เพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจต้นน้ำ แอร์โปร์ดักส์มีระบบเมมเบรนและลดความชื้น (Dehydration Membrane Systems) ก๊าซไนโตรเจนและก๊าซธรรมชาติสำหรับแท่นก๊าซในทะเล และในธุรกิจปลายน้ำ แอร์โปร์ดักส์มีเครื่องผลิตก๊าซไนโตรเจนแบบเมมเบรน (Membrane Nitrogen Generators) สำหรับเรือขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว และยังมีระบบแปรสภาพก๊าซไนโตรเจนแบบเมมเบรนเพื่อการใช้งานบนบก สำหรับคลังรับก๊าซธรรมชาติเหลวและโรงไฟฟ้าหลักที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นเชื้อเพลิง
.
ข้อมูลเกี่ยวกับ แอร์โปรดักส์ (Air Products)
แอร์โปรดักส์ (ตัวย่อ APD ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจก๊าซอุตสาหกรรมมาเป็นเวลาเกือบ 80 ปี ปัจจุบันแอร์โปรดักส์มุ่งให้บริการที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน สิ่งแวดล้อม และตลาดเกิดใหม่ บริษัทมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับก๊าซอุตสาหกรรมซึ่งมีความจำเป็น เครื่องมือและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริการลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม ครอบคลุมอุตสาหกรรมการกลั่น เคมีภัณฑ์ โลหะ อิเล็กทรอนิกส์ การผลิต ไปจนถึงอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ แอร์โปรดักส์ยังเป็นผู้นำระดับโลกในการจัดหาเทคโนโลยีและอุปกรณ์สำหรับกระบวนการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว บริษัทมีการพัฒนา ออกแบบ ก่อสร้าง เป็นเจ้าของ และดำเนินโครงการก๊าซอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกในบางโครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการแปรสภาพทรัพยากรธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงผสม (Syngas) เพื่อผลิตพลังงาน เชื้อเพลิง และเคมีภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง
ทั้งนี้ ในรอบปีบัญชี 2562 บริษัทมียอดขาย 8.9 พันล้านเหรียญสหรัฐจากการดำเนินธุรกิจใน 50 ประเทศ และปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดมากกว่า 60 พันล้านเหรียญสหรัฐ พนักงานที่มีความมุ่งมั่นและมีพรสวรรค์กว่า 17,000 คนของบริษัทมาจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน แต่มีแรงผลักดันร่วมกันนั่นคือ เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าของแอร์โปรดักส์ที่มุ่งแก้ไขปัญหาเชิงนวัตกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมความยั่งยืน และตอบโจทย์ความท้าทายที่ลูกค้า ชุมชน และโลกกำลังเผชิญอยู่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.airproducts.com
.
ข้อมูลเกี่ยวกับ โรโตโฟลว์ (Rotoflow)
โรโตโฟลว์ เป็นธุรกิจหนึ่งของแอร์โปร์ดักส์ ทำหน้าที่ออกแบบและผลิตเครื่องจักรเทอร์โบ(Turbomachinery) สำหรับตลาดก๊าซธรรมชาติเหลว ก๊าซอุตสาหกรรม ไฮโดรคาร์บอน ปิโตรเคมี และตลาดพลังงานอื่น ๆ ในฐานะของบริษัทเครื่องจักรเทอร์โบที่มีความเชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการในระดับชั้นนำของโลก โรโตโฟลว์ได้นำเอาประสบการณ์และองค์ความรู้ที่มีมาหลายทศวรรษ ออกแบบ สร้าง และให้บริการเครื่องจักรเทอร์โบสำหรับการปฎิบัติการที่สำคัญ
โรโตโฟลว์ เป็น OEMs (รับจ้างผลิตสินค้า) เพียงรายเดียวที่ทั้งผลิตและควบคุมเครื่องจักรเทอร์โบ โดยบริษัทมีบริการแบบครบวงจรและมีทีมงานที่พร้อมให้บริการเกี่ยวกับอุปกรณ์และระบบสำหรับเครื่องจักรเทอร์โบทุกประเภทกระจายอยู่ทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.rotoflow.com
.
ข้อมูลเกี่ยวกับ กาตาร์แก๊ส (Qatargas)
กาตาร์แก๊ส เป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทั่วโลกที่โดดเด่น ในแง่ของขนาด บริการ และความน่าเชื่อถือ กาตาร์แก๊สมีหน่วยผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว 14 หน่วย โดยมีกำลังการผลิตปีละ 77 ล้านตัน ซึ่งทำให้กาตาร์แก๊สกลายเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
กาตาร์แก๊สเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2527 โดยบริษัทพัฒนา ผลิต และจำหน่ายไฮโดรคาร์บอน จากแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ประกอบด้วยก๊าซมีเทนเกือบทั้งหมดจากแหล่งที่ใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งนี้ นอกจากการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวแล้ว กาตาร์แก๊สยังเป็นผู้นำในการส่งออกก๊าซธรรมชาติ ก๊าซฮีเลียม คอนเดนเสท (Condensate) และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง และในวันนี้กาตาร์แก๊สยังคงรักษามาตรฐานในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลวโดยการจัดหาพลังงานแก่ลูกค้าทั่วโลกด้วยความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ
.
Share: