>>>บีไอจี จับมือ ราช กรุ๊ป ศึกษาและพัฒนากรีนไฮโดรเจนจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยและต่างประเทศ

บีไอจี จับมือ ราช กรุ๊ป ศึกษาและพัฒนากรีนไฮโดรเจนจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยและต่างประเทศ

2024-06-04T10:22:39+07:00

4 มิถุนายน 2567

บีไอจี ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology Company) จับมือ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำด้านพลังงานและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ลงนามความร่วมมือศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตกรีนไฮโดรเจนจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยและต่างประเทศ  เพื่อรองรับความต้องการพลังงานสะอาดของภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่งและการผลิตไฟฟ้าในอนาคต ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทฯ ที่จะร่วมผลักดันการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ รวมทั้งการสร้างสรรค์สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต

คุณนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นความเป็นพันธมิตรของราชกรุ๊ป กับบีไอจี เพื่อนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาร่วมกันพัฒนาเชื้อเพลิงไฮโดรเจนจากพลังงานทดแทนและโอกาสทางธุรกิจ บริษัทฯ ถือเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งสามารถนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านไฟฟ้ามาคิดค้นวิธีการและรูปแบบในการนำไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนมาผลิตกรีนไฮโดรเจน อีกทั้งยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่สามารถนำมาสนับสนุนได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โครงการนี้ ถือเป็นก้าวแรกของบริษัทฯ ที่จะเข้าสู่ธุรกิจเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าโดยสามารถขยายธุรกิจไปยังฐานผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนของบริษัทฯ โดยเฉพาะออสเตรเลีย อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะสร้างมูลค่าให้กับบริษัทฯ ในอนาคตระยะยาว เพราะกรีนไฮโดรเจน ถือเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคตที่ความต้องการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ธุรกิจเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ยังตอบสนองแผนการลดก๊าซเรือนกระจก และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ปี 2050 เช่นกัน

คุณปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี กล่าวว่า บีไอจีเดินหน้าในการนำนวัตกรรมจากไฮโดรเจนที่บีไอจีและแอร์โปรดักส์ บริษัทแม่ของบีไอจีจากประเทศสหรัฐฯ มีความชำนาญและเป็นผู้ลงทุนโครงการกรีนไฮโดรเจนรายใหญ่ที่สุดของโลก ในโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจน Neom ประเทศซาอุดิอาระเบีย ที่มีกำลังการผลิตกรีนไฮโดรเจนกว่า 600 ตันต่อวัน และต่อยอดการลงทุนในการผลิตไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำในการพัฒนาศูนย์กลางไฮโดรเจนระดับภูมิภาค 7 แห่ง (Hydrogen 7 Hubs) ของประเทศสหรัฐฯ มุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนในระดับสากล มีกลยุทธ์ Generating A Cleaner Future ร่วมกับทุกภาคส่วน บีไอจีตระหนักถึงการใช้พลังงานสะอาดเพื่อร่วมผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ในประเทศไทยด้วยการผลักดันการผลิตและการใช้ประโยชน์จากพลังงานไฮโดรเจนซึ่งเป็นหนึ่งใน Climate Technology เพื่อเป็นแรงสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการร่วมมือศึกษาธุรกิจและพัฒนาการผลิตกรีนไฮโดรเจนจากพลังงานหมุนเวียน (Renewal Energy) โดยมีแหล่งพลังงานที่หลากหลาย อาทิ พลังงานน้ำ (Hydropower) พลังงานลมและพลังงานแสงแดดจากสปป. ลาว รวมถึงพลังงานลมและพลังงานแสงแดดจากแผงโซล่าเซลล์ในประเทศออสเตรเลียนี้ กรีนไฮโดรเจนที่ได้จะถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานเพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมและประเทศบรรลุเป้าหมาย NDC Plan 2573 ได้สำเร็จ การใช้กรีนไฮโดรเจนนี้ยังช่วยผลักดันภาคอุตสาหกรรมในการแข่งขันในตลาดโลกจากมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ด้วย

********************************

เกี่ยวกับบีไอจี

บีไอจี ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology Company) เป็นบริษัทในเครือแอร์โปรดักส์ (Air Products and Chemicals, Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทใน New York Stock Exchange (NYSE) และ US Fortune 500 โดยได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Dow Jones Sustainability Index (DJSI) อย่างต่อเนื่องตลอด 13 ปี ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านความยั่งยืน ด้วยผลิตภัณฑ์ก๊าซอุตสาหกรรม นวัตกรรม เทคโนโลยีการใช้ก๊าซสำหรับทุกอุตสาหกรรม และเป็นผู้ลงทุนโครงการกรีนไฮโดรเจน กรีนแอมโมเนียรายใหญ่ที่สุดของโลก รวมทั้งเทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอน เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน ด้วยเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.bigth.com หรือ www.airproducts.com

เกี่ยวกับบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 

บมจ. ราช กรุ๊ป ก่อตั้งเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2543 มีทุนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 21,749,999,850 บาท โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 45 บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจในลักษณะของบริษัทโฮลดิ้ง โดยลงทุนถือหุ้นผ่านบริษัทย่อย และบริษัทร่วมทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การลงทุนมุ่งเน้นธุรกิจผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก และขยายการลงทุนสู่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับไฟฟ้าและพลังงาน และธุรกิจบริการสุขภาพด้วย ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการลงทุนโครงการในประเทศไทย สปป.ลาว ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น โดยมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ลงทุนแล้วรวม 10,817.25 เมกะวัตต์  โดยเป็นกำลังการผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ 9,007.29 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตที่กำลังพัฒนาและก่อสร้าง รวม 1,809.96 เมกะวัตต์  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการรับรองฐานะการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย การประเมินการกำกับกิจการที่ดีของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ระดับดีเลิศ 5 ดาว และเป็นบริษัทใน SET ESG Ratings ปี 2566 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยอยู่ที่ระดับ AA ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 230,412 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 116,729 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 113,683 ล้านบาท สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ratch.co.th


Share:
บริษัทใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ bigth.com ของท่านที่ดีกว่าเดิม ในการใช้งานเว็บไซต์ของเรา ถือว่าท่านยอมรับการใช้คุกกี้ตามที่ระบุใน มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ยอมรับ