>>, โควิด 19>บีไอจีส่งออกซิเจนจากไทยช่วยอินเดีย มั่นใจเตรียมพร้อมออกซิเจนรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในไทย

บีไอจีส่งออกซิเจนจากไทยช่วยอินเดีย มั่นใจเตรียมพร้อมออกซิเจนรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในไทย

2021-05-10T14:07:53+07:00
  • Oxygen Support to India
  • Oxygen Support to India

กรุงเทพฯ 29 เม.ย. 64 – บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (บีไอจี) ในฐานะผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมของประเทศไทยพร้อมแอร์โปรดักส์ แอนด์ เคมิคัลส์ อิงค์ (แอร์โปรดักส์) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบีไอจีจากสหรัฐอเมริกา ส่งออกซิเจนทางการแพทย์ ภาชนะบรรจุ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจากประเทศไทยเพื่อใช้ในการแพทย์และรักษาผู้ป่วยขั้นวิกฤตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอินเดีย โดยประสานผ่านทางกองทัพอากาศอินเดียในการขนส่งจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังอินเดียเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

“ขณะนี้อินเดียกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาการขาดแคลนออกซิเจนทางการแพทย์อย่างหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นจำนวนมาก บีไอจีและแอร์โปรดักส์จึงได้ให้ทีมวิศวกรของบีไอจีดำเนินการเรื่องออกซิเจนและภาชนะบรรจุให้สำเร็จอย่างเร่งด่วน ด้วยความช่วยเหลือของครัยโอเทค เอเซีย (Cryotech Asia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตภาชนะบรรจุออกซิเจนเหลวชั้นนำ กับเบสท์ โกลบอล โลจิสติกส์ (Best Global Logistics) และพาร์ทเนอร์ในการอำนวยความสะดวกและประสานงานทั้งหมด ผ่านการขนส่งด้วยเครื่องบินของกองทัพอากาศอินเดีย และได้ส่งมอบให้กับตัวแทนประเทศอินเดียสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี บีไอจีจึงขอร่วมเป็นตัวแทนของประเทศไทยช่วยเหลือประเทศอินเดียด้วยความภาคภูมิใจในครั้งนี้” นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด กล่าว

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทยเวลานี้ ส่งผลกระทบต่อทั้งภาคอุตสาหกรรมและสังคมในวงกว้างอย่างเห็นได้ชัด จากจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่เข้ารักษาในสถานพยาบาลทั่วประเทศเพิ่มมากขึ้น บีไอจีได้เตรียมความพร้อมในการรับมือด้านความต้องการออกซิเจนเหลวทางการแพทย์ให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วยวิกฤตที่เพิ่มมากขึ้น โดยดึงเอาศักยภาพทางเทคโนโลยีของบีไอจีเข้ามาช่วยเหลือในวิกฤตครั้งนี้ ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตออกซิเจนเหลวทางการแพทย์เพื่อช่วยผู้ป่วยโควิด-19

บีไอจีได้ดำเนินการ Restart โรงแยกอากาศ (Air Separation Unit : ASU) โรงงาน 1 ซึ่งเป็นโรงแยกอากาศแห่งแรกในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและไม่ได้ดำเนินการผลิตในช่วงเวลาปกติ แต่ยังมีศักยภาพในการผลิตออกซิเจนได้อย่างครบถ้วน  นายปิยบุตรมองว่าการ Restart โรงแยกอากาศแห่งนี้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตและรองรับความต้องการออกซิเจนได้อีก 30% จากความต้องการในปัจจุบัน

“วิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่ในไทยน่าเป็นห่วงอย่างมาก จะเห็นได้ว่าผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ป่วยหนักมีจำนวนมากเมื่อเทียบกับการระบาดรอบที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นความต้องการออกซิเจนทางการแพทย์ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย บีไอจีจึงเริ่มเดินโรงแยกอากาศแห่งนี้เพื่อผลิตออกซิเจนให้รองรับกับความต้องการที่สูงขึ้น”

นายปิยบุตรกล่าวทิ้งท้ายว่า “ในฐานะที่ที่บีไอจีมีกำลังการผลิตออกซิเจนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกว่า 1,000 ตันต่อวันซึ่งมากกว่าความต้องการออกซิเจนทางการแพทย์ในขณะนี้อยู่ประมาณกว่า 300 ตันต่อวัน เราจึงเตรียมพร้อมเพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกอยู่ในสภาพการขาดแคลนออกซิเจนเหมือนหลาย ๆ ประเทศ  วันนี้บีไอจีจึงได้ Restartโรงแยกอากาศเพื่อผลิตออกซิเจนอีก 1 โรงเพื่อร่วม Restart ประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ด้วยกัน บีไอจีขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกฝ่ายริเริ่ม ช่วยเหลือ สนับสนุน บุคลากรทางการแพทย์และประเทศไทยเพื่อคนไทยทุกคน”


Share:
บริษัทใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ bigth.com ของท่านที่ดีกว่าเดิม ในการใช้งานเว็บไซต์ของเรา ถือว่าท่านยอมรับการใช้คุกกี้ตามที่ระบุใน มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ยอมรับ